เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๓ ส.ค. ๒๕๕๘

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๘
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

อ้าว ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ ธาตุธรรมไง ธาตุธรรมฟังธรรม ถ้าธาตุกิเลส เห็นไหม ธาตุกิเลสมันอยู่กับเรื่องกิเลส มันคลุกคลีกัน มันมีความสุขกัน เพลิดเพลินกันในเรื่องของกิเลส มันมีความสุขนะ ปรนเปรอกิเลสมีความสุขมาก แต่เวลาธาตุของธรรม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาพักอยู่

นี่มันมีพระบวชใหม่จะมากราบเยี่ยมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีเสียงดัง ส่งเสียงมาก ตอนนั้นพระนาคิตะเป็นผู้อุปัฏฐาก นาคิตะนั่นพวกใครน่ะ สัทธิวิหาริกของพระสารีบุตรจะมากราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เธอไล่เขาไป ไล่เขาออกไป อย่างกับชาวประมงเขาหาปลากัน มาส่งเสียงอึกทึกคึกโครม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสั่งให้พระไล่ออกเลย พระไล่พระ ไล่ออกไป ทำตัวเหมือนชาวประมง เหมือนชาวประมงเขาหาปลากัน ส่งเสียงอึกทึกคึกโครม

นี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ เพราะอะไร เพราะเป็นธรรมไง สิ่งนั้นเป็นธรรมไหม ถ้าเจตนาจะมาเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะมาฟังธรรมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่มาส่งเสียงอึกทึกคึกโครม นาคิตะไล่เขาออกไป ไล่ไปเลย เป็นลูกศิษย์ใคร สัทธิวิหาริกของพระสารีบุตร พระสารีบุตรเป็นผู้บวชให้ พอบวชให้เสร็จแล้ว บวชแล้วจะมาเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ธาตุของธรรม สัจธรรมมันเป็นความจริงไง แต่ตัวเองมันมีเจตนาไง เจตนาดี เรื่องของโลกๆ ไง เพราะอะไร เพราะเพิ่งบวชใหม่ก็เป็นโลกทั้งนั้นแหละ พอเป็นโลกขึ้นมาก็คิดว่าสิ่งนั้นเป็นธรรมๆ มีเจตนาแล้วศรัทธาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำไมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไล่ออกไป ไล่ออกไปเลย เพราะมันพูดไปมันไม่มีประโยชน์ไง มันเป็นจริงขึ้นมาไม่ได้ไง เป็นจริงขึ้นมาไม่ได้เพราะจิตใจเขาเป็นโลก จิตใจเขาเป็นโลก เป็นโลกมันก็เรื่องกิเลสตัณหาความทะยานอยากครอบงำมันอยู่ไง แต่ถ้าเป็นธรรมๆ เป็นธรรมนี่มันมีเหตุมีผล

ถ้าเป็นธรรมนะ สัจธรรม เห็นไหม ธาตุของธรรมๆ ธรรมแสดงสิ่งใดออกมาก็เป็นธรรม ถ้าความเป็นธรรม ความเป็นธรรมเคารพบูชา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆ กราบความถูกต้องดีงามไง มันอยู่ที่ความถูกต้อง ความดีงามของเขา ถ้าความถูกต้องดีงามของเขา ความถูกต้อง สิ่งที่เขามีเจตนาของเขามันก็เป็นความถูกต้องดีงามของเขา ถ้าความถูกต้องดีงาม ถ้าเขามีเจตนาของเขา ถ้าเจตนาของเรามันไปรบกวนคนอื่นล่ะ เจตนาของเราทำให้สิ่งนั้น สิ่งที่มันสงบสงัดนั้นให้มันกระทบกระเทือนไปล่ะ แล้วเราทำ

นี่ไงถ้าสังคม นี่สังคมมันหลากหลาย ความรู้สึกหลายหลาย ความรู้สึกนึกคิดของคนมันหลากหลาย ถ้าความรู้สึกนึกคิดหลากหลาย เห็นไหม คำว่าหลากหลายๆ หลากหลายของเขามันก็ต้องเริ่มต้นจากจิตของเขา ถ้าจิตของเขา เขามีสติ มีปัญญาของเขา เขาเห็นโทษของเขาเอง พอเห็นโทษของเขาเอง เวลาเห็นโทษของเขาเอง เขาสำรวมระวังของเขา เขาประพฤติปฏิบัติของเขา แล้วเขาจะเข้าใจทันที พอจิตมันจะสงบนะ จิตของคนถ้ามันสงบระงับเข้ามา มีสิ่งใดกระทบกระเทือนมันสะเทือนมาก

จิตของเรานี่เรารักษากว่ามันจะสงบระงับได้แทบเป็นแทบตาย แล้วมีสิ่งใดมากระเทือนมันออกไป เห็นไหม เขาถึงบอกเป็นบาปเป็นกรรมไง นี่เวลาครูบาอาจารย์ท่านอยู่ในป่าในเขา ท่านประพฤติปฏิบัติของท่าน เทวดา อินทร์ พรหมจะคอยคุ้มครองดูแลเลยนะ ถ้าจิตสงบ เวลาจิตสงบท่านคุ้มครองดูแลเพราะเขาอยากได้บุญกุศลด้วยไง นี่เวลาครูบาอาจารย์ท่านอยู่ในป่าในเขา เทพคุ้มครองๆ จะไม่ให้คนเข้ามาส่งเสียง เวลาใครๆ เข้ามาเขาบันดาลให้มันเกิดเหตุเกิดปัจจัยให้เขาเคลื่อนออกไป อย่าเข้ามากระทบกระเทือน เขาช่วยกันดูแลขนาดนั้นถ้าคนที่เขาเป็นธรรม คนที่เขาหวังบุญกุศล ไม่ใช่ว่าเราเป็นโลกๆ ไง นั่นมันเรื่องของโลก

นี่ธาตุของธรรม สิ่งที่แสดงออกมาเป็นธรรม พอเป็นธรรม ธรรมมันเหนือโลก โลกเข้าใจไม่ได้ โลกเข้าใจไม่ได้โลกจะเอาแต่ความสะดวกของตัว โลกจะเอาแต่สังคม นั่นเรื่องของโลกๆ เห็นไหม นี่ฟังธรรมๆ สัจธรรม แล้วฟังธรรมทุกวัน นี่ผู้ที่มาวัดมาวา หลวงพ่อพูดวันละ ๓ รอบ ๔ รอบ ฟังธรรมทุกวัน ฟังจนมันชาล้นถ้วย มันล้นออกไปเลย หลวงพ่อเริ่มอ้าปากพูดรู้เลยหลวงพ่อจะพูดอะไร เพราะอะไร เพราะฟังทุกวัน

หลวงตาท่านพูด สมมุติมันมีเท่านี้ นี่ภาษามันมีเท่านี้ แต่สัจธรรม ความรู้ในใจมันมหาศาล มันจะสื่อออกมาโดยภาษาสมมุติไง เห็นไหม เวลากิน รับประทาน เสวย กิริยาเดียวกันไง สถานะของคนมันแตกต่างกันไง จิตใจของคน นี่ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิ โสดาปัตติมรรค สกิทาคามิมรรค อนาคามิมรรค อรหัตตมรรค เวลาภาวนามยปัญญา ธรรมจักรมันเกิดขึ้นมันละเอียดลึกซึ้งเข้าไป

นี่คนถ้าไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจ แต่ถ้าคนเข้าใจ เวลาแสดงออกมันเป็นความจริงในนั้น ถ้าเป็นความจริงในนั้น นี่ภาษาสมมุติมีเท่านั้น การแสดงออก แสดงออกโดยผ่านสมมุติ ถ้าแสดงออกผ่านด้วยธรรม ลุกขึ้น เม้มปาก แล้วนั่งลง นั่นคือความจริง ถ้าความจริง ถ้ามันแสดงออกส่งออกหมด การส่งออกหมด

ฉะนั้น เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธรรมๆ มา หลวงตาท่านบอกว่ามันเป็นกิริยา เป็นวิธีการ แต่ความจริงคือในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ความจริงคืออกุปปธรรม สัจธรรมในใจอันนั้น แต่เวลาสัจธรรมอันนั้นมันจะได้ขึ้นมา มันได้ขึ้นมาจากศีล สมาธิ ปัญญา มันได้ขึ้นมาจากการกระทำอันนี้ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอน สอนที่กระทำอันนี้ เราก็เอากิริยา เอาวิธีการมาวิเคราะห์วิจัยกัน แล้วก็มาเถียงกันตรงวิธีการนี่ว่าวิธีการใครถูกต้อง ใครผิดไง

นี่มันจะผิดๆ คนปฏิบัติมาเริ่มต้นผิดทั้งนั้นแหละ คนไม่เคยทำจะเอาความถูกมาจากไหน แต่ความผิด ผิดเพราะอะไร ผิดเพราะความเคยชินของใจ ใจมีกิเลสตัณหาความทะยานอยาก มันมีแรงปรารถนา มันมีการกระทำ นั้นมันทำด้วยแรงปรารถนานั้น แต่แรงปรารถนานั้น ถ้าพูดถึงถ้ากิเลสเป็นมิจฉาทิฏฐิเลย มิจฉาทิฏฐิเรายึดมั่นถือมั่นการกระทำของตัวว่าการกระทำของตัวนั้นถูกต้องดีงาม เพราะตัวเองเจตนาดี เจตนาเพื่อจะปฏิบัติให้ถึงมรรค ผล นิพพาน นี่เห็นไหม แต่โดยมิจฉาทิฏฐิโดยความเห็นผิด การกระทำเจตนาที่ดีแต่ความเห็นมันผิด มันผิดมันก็ยึดมั่นถือมั่นในความเห็นอันนั้นไป ถ้าความเห็นอันนั้นไปมันก็ออกนอกทางไปเลย

ฉะนั้น มันมีเจตนามันต้องมีสัมมาทิฏฐิด้วย มันต้องถูกต้องดีงามด้วย ถ้ามันถูกต้องดีงาม ถูกต้องถูกต้องอย่างไร แล้วของเราทำถูกต้องไหม ถ้าถูกต้องก็ส้มหล่น เวลาคนปฏิบัตินะไม่ได้คาดหมายสิ่งใดเลยจิตมันลง โอ้โฮ มันมหัศจรรย์มาก ส้มหล่น คือว่ามันสมดุลของมันเองโดยสัจจะโดยข้อเท็จจริงของมันเอง แต่เราไม่ได้กระทำ เราไม่ได้ตั้งใจเพราะเราทำไม่เป็น แต่เราก็ตั้งใจ เราทำไม่เป็นเพราะสัมมาทิฏฐิมันเป็นอย่างไร แต่มันสมดุลของมันมันเป็นอย่างนั้น มันให้ผลอย่างนั้นแน่นอน

นี่ธรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ ด้วยเหตุด้วยผล ไม่มีสิ่งใดลอยมาจากฟ้า การที่เราเกิดมานั่งกันอยู่นี่มันเกิดมาจากมนุษย์สมบัตินะ มนุษย์สมบัติ ดูแมลงสิ ดูสัตว์เซลล์เดียวที่มันเกิดสิ ถ้ามันมีจิต มันมีความรู้สึกคือมันเกิด แล้วมันพัฒนาขึ้นมา เห็นไหม จิตมหาศาล จิตเวียนว่ายตายเกิดมหาศาลเลย แล้วจะเกิดเป็นมนุษย์ เราเกิดเป็นมนุษย์ ดูสิเราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดจากพ่อจากแม่ใครคาบช้อนเงินช้อนทองมา เกิดมาแล้วชีวิตนี้ก็สะดวกสบาย

คำว่าสะดวกสบายนะไม่ใช่สุข คาบช้อนเงินช้อนทองมานะ พ่อแม่ให้คนดูแล ปรารถนาคาดหวังกับลูกนั้นสูงมาก นี่มันมีความสุขโดยปัจจัยเครื่องอาศัย ด้วยความสะดวกสบาย แต่ความคาดหวัง การคาดหวังจากสังคม เพราะว่าเกิดมาจากตระกูลที่ดี คนเราไม่ใช่ดีเพราะการเกิด คนเราดีเพราะการกระทำ คนเราดีเพราะมีสติ มีปัญญา แต่เวลาคนมีบุญกุศลเกิดอย่างนั้นแหละ คาบช้อนเงินช้อนทองมา มีคนอุปัฏฐากดูแล ถามสิสุขหรือเปล่า สุขหรือเปล่า

เขาเห็นคนจนๆ ปากกัดตีนถีบก็บอกว่านั่นเขาทำอะไรกัน เพราะมันไม่เคยประสบการณ์อย่างนั้นไง เขาไม่เห็นว่าไอ้พวกปากกัดตีนถีบ เก็บขยะขาย พวกพยายามหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเขาทำอย่างไรกัน เขาทำทำไมพวกนั้น ทำไมเขาไม่กินข้าวเหมือนเรา ทำไมเขาไม่อยู่สุขสบายเหมือนเรา เขาไม่มีบุญอย่างเอ็ง เอ็งมันมีบุญ นี่ที่ว่าคาบช้อนเงินช้อนทองมามันมีความสุขจริงหรือเปล่า เรานี่ปากกัดตีนถีบเก็บขยะขาย เราหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเรามีความสุขหรือเปล่า

แต่ถ้าคนมีปัญญานะ อ้าว เราเกิดมาด้วยเวรด้วยกรรมไง นี่เราทำของเรามา ถ้าเราทำของเรามา เราพอใจสถานะของเรา ถ้าเราพอใจสถานะของเรา ความสุขเบาลงแล้ว ที่มันขัดแย้งๆ เพราะกิเลสมันยุแหย่ในหัวใจนี่แหละ สิ่งใดก็ไม่ถูกต้องดีงามไปทั้งหมด สิ่งใดผิดพลาดไปทั้งหมดแล้วก็ปรารถนา อยากจะดีงามโดยหยิบฉวยเอาในอากาศ แต่ถ้ามันจะไปดีงาม ดีงามโดยการกระทำนี่ไง เห็นไหม ดูสิเราเก็บขยะขายเราต้องเดินไปหาขยะ เก็บขยะขายใช่ไหม

เวลาจิตของมัน เวลาจิตของมันที่ว่ามันคิดของมันโดยกิเลสตัณหาความทะยานอยาก ทำไมเราไม่มีสติปัญญาคลี่คลายมันล่ะ ถ้ามีสติปัญญาคลี่คลาย เห็นไหม นี่กิจจญาณ กิจกรรมของจิต จิตที่มันมีการกระทำของมัน ดูสิคนถ้าออกกำลังกายร่างกายเขาแข็งแรงทั้งนั้นแหละ คนที่ออกกำลังกายสุขภาพของเขาดีทั้งนั้นแหละ เพราะเขาออกกำลังกายของเขา เขาดูแลร่างกายของเขา

จิตของเรานี่เราไม่มีสติปัญญาดูแลมันเลย จิตของเราเกิดขึ้นมา เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วก็เรียกร้องต้องการสิ่งที่สมความปรารถนา ให้กิเลสตัณหาครอบงำมันแล้วก็วิ่งตามมันไป ไม่เคยพิจารณา ไม่เคยดูแล ไม่เคยพัฒนาจิตของตัวเองเลย ไม่เคยพลิกแพลงเลยว่ามันคิดเพราะอะไร คิดทำไม คิดแล้วได้อะไรขึ้นมา นี่ถ้ามันมีสติปัญญามันย้อนกลับเข้ามาที่นี่ มันพลิกแพลงของมัน มันดูแลของมัน

เหมือนคนที่เขาออกกำลังกาย คนที่ไม่ออกกำลังกายคนๆ นั้นไม่มีปัญญา ไม่รู้จักรักษาสุขภาพ เราเกิดมาเราไม่มีสติ ไม่มีปัญญาสิ่งใดเลย ถ้ามีสติปัญญา เห็นไหม มิจฉาทิฏฐิหรือสัมมาทิฏฐิ ถ้ามิจฉาทิฏฐิ อ้าว ก็ฉันทำงานเหนื่อยยาก ดูสิไปแบกขยะมามันจะมาออกกำลังกายอะไรอีกล่ะ แค่นี้ก็ออกกำลังกายอยู่แล้ว นั่นเป็นการกระทำเพื่อหาเลี้ยงชีพ เวลาออกกำลังกายมันต้องออกกำลังกายด้วยลักษณะที่ร่างกายมันผ่อนคลาย คนละเรื่องเลย คนละเรื่องเลย

นี่ก็เหมือนกัน เวลาถ้ามีสติปัญญา ปัญญาอย่างไร สติปัญญาเข้ามาในหัวใจ สติปัญญามันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ถ้าสติปัญญาเกิดขึ้นมา เห็นไหม ถึงจะเก็บขยะขายก็มนุษย์ รัฐธรรมนูญคุ้มครองนะ สิทธิความเป็นมนุษย์ จะคาบช้อนเงินช้อนทองมาก็มนุษย์ เราจะเก็บขยะขาย เราจะคนทุกข์ คนเข็ญใจเราก็เป็นมนุษย์ เราก็มีสิทธิเสรีภาพที่เราจะประพฤติปฏิบัติของเรา เพราะการประพฤติปฏิบัติของเรามันประพฤติปฏิบัติในหัวใจของเรา ประพฤติปฏิบัติคือควบคุมความคิดของเรา มันไม่ต้องไปหาใครมายอมรับ ไปหาใครมายกย่องสรรเสริญ

นี่ถ้าเขาคาบช้อนเงินช้อนทองมา เขามีสติปัญญาของเขา เขานั่งอยู่ในห้องทองของเขา อยู่ในคูหาทองคำของเขา ถ้าเขาประพฤติปฏิบัติของเขา เขาดูแลหัวใจของเขา เขาก็พยายามพิจารณาของเขาให้มีกิจจญาณในหัวใจของเขา ให้เห็นว่าการเกิดของเขาเกิดในสถานะที่สมควรแก่การเป็นมนุษย์แล้วมีสถานะอย่างนั้น เขาควรจะพิจารณาหัวใจของเขาให้หัวใจของเขาเป็นประโยชน์กับสาธารณะ เป็นประโยชน์กับคน เป็นประโยชน์กับตัวเขาเองแล้วเป็นประโยชน์กับสังคมด้วย เพราะเรามีสถานะที่เรามีทรัพย์สมบัติที่จะเจือจานสังคมได้

ถ้าเราเป็นคนทุกข์ คนเข็ญใจ เราเป็นคนเก็บขยะขายเราก็มีความเป็นมนุษย์ เรามีสถานะของเรา มีสถานะของเราที่เราเลี้ยงชีพของเรา เราไม่เป็นภาระกับสังคม เราไม่เป็นภาระของใคร แล้วถ้าเราจะดูแลหัวใจของเรา เราใช้ปัญญาของเราขึ้นมา พิจารณาขึ้นมา เห็นไหม ถ้าเรามีกิจจญาณ เรามีสัจจญาณ เรามีคุณธรรมในหัวใจ นี่เราเป็นศาสนทายาท หมอเวลาเขารักษาคนไข้ เขาต้องมียาเพื่อรักษาคนไข้ มีเครื่องมือแพทย์ขึ้นมาเพื่อรักษาคนไข้

จิตใจของคนที่มีคุณธรรมขึ้นมา ถ้ามีคุณธรรมขึ้นมา ใครประพฤติปฏิบัติขึ้นมาเขามีธรรมโอสถเพื่อเจือจานสังคม เราไม่มีสิ่งใดจะเจือจานสังคม แต่เรามีสัจจะ เรามีความจริง เรามีคุณธรรมในหัวใจ เราเป็นศาสนาทายาทที่สามารถให้สิ่งนั้นเป็นบุญกุศลขึ้นมา เราก็ทำได้ คนนี่ถ้ามันทำมันทำได้ทั้งนั้นแหละถ้ามันมีสติปัญญา ไม่ต้องมาตีโพยตีพายว่าเราเกิดขึ้นมาสถานะไหน เรามีความทุกข์ยากขนาดไหน

เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาเป็นญาติกันโดยธรรม เพราะคนมีปากมีท้องเหมือนกัน คนต้องกินต้องอยู่เหมือนกัน ความกินความอยู่เหมือนกัน มีสิทธิเสรีภาพเสมอกัน ญาติกันโดยธรรม แต่มันแตกต่างกันด้วยกิเลสตัณหาความทะยานอยาก แตกต่างกันด้วยความรู้สึกนึกคิด คนที่คิดทำร้ายตัวเอง คิดเบียดเบียนตัวเองแล้วก็เบียดเบียนคนอื่น คิดว่าตัวเรามีสถานะอย่างไรแล้วก็ต้องการให้คนครอบงำ ให้คนเคารพเราโดยสถานะอย่างนั้น ไอ้นั่นเป็นความคิดบีบคั้นเขาด้วยความคิด มันไม่เป็นประโยชน์

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนารื้อสัตว์ ขนสัตว์ บันลือสีหนาทแสดงธรรม มันเป็นกรรมของสัตว์ ถ้าใครได้ประโยชน์จากการบันลือสีหนาทนั้นเขาจะได้บุญกุศลอันนั้น ถ้าใครไม่ได้ประโยชน์จากการบันลือสีหนาทนั้นเขาจะไม่ได้สิ่งนั้นเลย ดวงอาทิตย์เวลาแผ่ขึ้นมากระจายแสงไป ไม่มีบ้านคนรวย คนจน ไม่มีแบ่งแยกทั้งสิ้น ไปโดยเสมอภาคหมดเลย

นี่ไงธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง มันอยู่ที่เราเท่านั้นแหละ เราจะได้ประโยชน์หรือไม่ได้ประโยชน์ไง ถ้าได้ประโยชน์นี่ธาตุของธรรม ถ้าใจมันเป็นธรรมมันเป็นธาตุของธรรม แสดงกิริยามันก็เป็นธรรม แล้วเป็นธรรมนี้มันเป็นธรรมโอสถ ไม่จำเป็น ไม่จำเป็นต้องใครมาเชิดชูบูชาทั้งสิ้น ไม่มีความจำเป็น ธรรมโอสถมันก็เป็นธรรมโอสถโดยตัวมันเองอยู่แล้ว ใครใช้ประโยชน์ได้ก็เป็นประโยชน์ของเขา

ถ้าใช้ไม่ได้ประโยชน์มันก็กรรมของสัตว์ ดูสิเวลาเทคโนโลยีมาใหม่ เวลาเราจะไปซื้อเครื่องมือแพทย์เขาต้องส่งแพทย์ไปฝึกหัดเพราะใช้ไม่เป็น เครื่องมือออกมาใหม่ๆ ใช้ไม่เป็นหรอก นี่ก็เหมือนกัน เวลามันมียามา ธรรมโอสถของมันมันธรรมเหนือโลกไง ไอ้พวกกิเลสตัณหาความทะยานอยากมันไม่เอา มันใช้ไม่เป็น มันไม่รู้จัก ไม่เห็นคุณค่า มันเห็นคุณค่าแต่ความพอใจของมัน มันอยากได้อะไรมันได้สิ่งนั้นตอบสนอง นั่นแหละมันบอกเป็นบุญกุศลของมัน

ไอ้นั่นมันของประจำโลก มันสมบัติสาธารณะนะ สมบัติสาธารณะสมบัติผลัดกันชม ใครมีสติปัญญาพยายามค้นคว้า พยายามกระทำของเรา เราได้รับผลตอบแทนมา ผลตอบแทนนั้นเป็นวัตถุที่เราเอามาใช้เป็นปัจจัยเครื่องอาศัยดำรงชีวิต สิ่งที่เรามาใช้อาศัยดำรงชีวิต แล้วคนที่ทุกข์ คนที่ยาก คนที่เขาขาดแคลนเราคิดถึงน้ำใจเขาบ้างไหม การที่เราเสียสละอย่างนั้นมันเป็นการสร้างอำนาจวาสนาบารมี กลิ่นของศีลหอมทวนลม กลิ่นของศีล กลิ่นของธรรมหอมทวนลม เราทำสิ่งใดเพื่อเป็นประโยชน์มันเป็นไปโดยสัจจะ นั่นเขาเรียกบารมีธรรม บารมีจะเกิดขึ้น บารมีมันเป็นสัจจะความจริงของมัน

นี่ไงแล้วเราไปหวังอะไร เราไม่ต้องไปหวัง ธาตุของธรรมเขาไม่หวังสิ่งใดเลย สัจธรรมเป็นสัจธรรม พระอาทิตย์ขึ้นก็พระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตกก็พระอาทิตย์ตก พระอาทิตย์ก็เป็นพระอาทิตย์ แต่มันให้พลังงาน ให้แสง ดูสิพืชธัญญาหารที่มันเกิดขึ้นมามันได้อะไรมา มันสังเคราะห์แสงมาเพื่อหาอาหารให้มัน มันเป็นประโยชน์ทั้งนั้นแหละ พระอาทิตย์ขึ้นดูสิแพลงตอนในทะเลมันได้รับแสง โอ๋ย มันเกิดขึ้นมาให้เป็นอาหารของสัตว์

ดูสิปลาวาฬมันเคยกินแพลงตอนนั่นน่ะ ปลาตัวใหญ่ๆ มันกินอาหารอย่างนั้น มันหาเอาในธรรมชาตินะ แต่เราจะหาเอาโดยความจริงของเรา นี่ธาตุของธรรม ธาตุของธรรม สัจธรรมมันประเสริฐ เวลาพูดเรื่องศาสนา ศาสนาแห่งสิทธิเสรีภาพ ทางยุโรปเขาพูดอยู่ เวลาเขาวิเคราะห์วิจัยเขารู้ว่านี่เป็นศาสนาแห่งสันติภาพ แต่มันทำได้หรือเปล่าล่ะ แล้วเวลาทำขึ้นมา ทางโลกส่งเสริมขึ้นมาเพื่อความมั่นคงของชีวิต คุณภาพชีวิต คุณภาพชีวิตก็นี่ไง

เขาบอกคนเก็บขยะกับไอ้คนที่อยู่ในห้องทองคำนั่นน่ะ หัวใจมันทุกข์เหมือนกัน แต่ทุกข์คนละสถานะ ใครๆ ก็ไม่อยากจะทุกข์แบบคนเก็บขยะ อยากจะทุกข์แบบอยู่ในห้องทองคำนั่นน่ะ นี่มันก็ทุกข์เหมือนกันนั่นล่ะ แต่ธรรมโอสถเข้าไปขยาย เข้าไปจัดการความทุกข์ ความวิตกกังวลในใจของสัตว์โลก สัตว์โลกนี่ธรรมะเข้าไป แล้วธรรมะหาที่ไหนล่ะ แต่เราไปวัดกันไง วัดกันว่าใครรวย ใครจน ใครมีศักยภาพ ใครมีศักยภาพ แต่ไม่ได้มองว่าใครมีคุณธรรม

หัวใจที่เป็นธรรม เวลาหลวงตาท่านพูดนะเราสะเทือนใจ คนที่ไร้ค่าที่สุดในสายตาของโลกคือหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นอยู่ในป่าในเขา ทุกข์ๆ ยากๆ เจ็บไข้ได้ป่วยเขาต้องไปโรงพยาบาล ท่านเจ็บไข้ได้ป่วยท่านเข้าป่าลึกเข้าไปกว่านั้น เขาเจ็บไข้ได้ป่วยเขาต้องมีอาหารเพื่อบรรเทา เพื่อปัจจัยเครื่องอาศัยให้ร่างกายมันแข็งแรง เวลาปกติท่านฉันอาหารปกติ เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยท่านฉันข้าวต้มกับเกลือ ยิ่งเข้าไปป่าลึกเข้าไป

เขามีแต่เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยต้องไปโรงพยาบาลไปหาหมอ หลวงปู่มั่นท่านยิ่งเจ็บไข้ได้ป่วยท่านยิ่งอยู่ป่าลึกของท่าน ท่านใช้ธรรมโอสถรักษาใจของท่าน เหมือนเศษคน ไม่มีค่าทางสายตาของโลกเลย แต่เทวดา อินทร์ พรหมท่านส่งเสริม เทวดา อินทร์ พรหมท่านเชิดชูบูชา กลางคืนท่านไม่ได้พักไม่ได้ผ่อนเลย เทวดามาฟังเทศน์อยู่ตลอด เทวดา อินทร์ พรหมมาอุปัฏฐากท่าน มาดูแลท่าน เห็นไหม ถ้าเป็นสายตาของธรรมอันนั้นประเสริฐ

ฉะนั้น เวลาคนมีคุณธรรมเขามีคุณธรรมอย่างนั้น เขาไม่มีคุณธรรมที่ว่าออกมาประชาสัมพันธ์ตัวเอง ออกมาร้อยแปดพันเก้า นี่ไงธาตุธรรมกับธาตุทางโลก ถ้าธาตุของธรรม เห็นไหม นี่หลวงตาเวลาท่านพูดท่านบอกว่าหลวงปู่มั่นเล่าให้ฟังนะ เล่าถึงประสบการณ์ชีวิตของท่าน คนเล่าเล่าเป็นประสบการณ์ชีวิต แต่ท่านนะหันหน้าเข้าข้างฝาแล้วร้องไห้ ไม่ใช่ตัวท่านเองนะ ท่านฟังเขาเล่า แต่มันสะเทือนใจ นี่ไงสัจธรรมๆ เป็นอย่างนั้น เวลาทางโลกเขามองมองอย่างนั้น มองว่ามันไม่มีค่า แต่ถ้าทางธรรม ทางศาสนทายาท สัจธรรมมีธรรมโอสถในหัวใจของสัตว์โลก เราฟังธรรมๆ เพื่อเหตุนั้น แล้วพยายามขวนขวายขึ้นมาให้เป็นสมบัติของเรา เอวัง